จดทะเบียนสมรส

จดทะเบียนสมรส

วันที่นำเข้าข้อมูล 28 เม.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 2 มิ.ย. 2568

| 123 view

การจดทะเบียนสมรส

เจ้าหน้าที่ นางสาวปณิดา โสเม้า

 

1. หลักเกณฑ์
    1.1 คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
    1.2 คู่สมรสฝ่ายที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยจะต้องมีหนังสือรับรองความเป็นโสดจากหน่วยงานประเทศเจ้าของสัญชาติ (ฝ่ายที่มีสัญชาติไทย สอท. สามารถตรวจสอบสถานะข้อมูลทะเบียนครอบครัวของกรมการปกครองได้ หรือ ท่านอาจนำหนังสือรับรองความเป็นโสดจากที่ว่าการเขต/อำเภอซึ่งออกให้ไม่เกิน 6 เดือน มาแสดงต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ 
    1.3 คู่สมรสจะต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หากอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ บิดาและมารดาหรือผู้ปกครองจะต้องลงชื่อให้ความยินยอม
    1.4 หากคู่สมรสเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน 
         1.4.1 ฝ่ายที่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อนแล้ว จะต้องมีใบสำคัญการหย่ามาแสดง
         1.4.2 ชื่อสกุลในหนังสือเดินทางและทะเบียนราษฎรต้องเปลี่ยนเป็นชื่อสกุลเดิมก่อนสมรส ก่อนที่จะยื่นคำร้องขอจดทะเบียนใหม่ (สำหรับบุคคลที่สมรสก่อนวันที่ 5 มิถุนายน 2546)
         1.4.3 คู่สมรสหญิงที่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน จะทำการสมรสใหม่กับคู่สมรสชายได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
                  (1) ได้คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น หรือ
                  (2) มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้มีครรภ์ หรือ
                  (3) มีคำสั่งศาลไทยให้สมรสได้
    1.5 คำนำหน้าชื่อหญิงไทยหลังการสมรส
         หญิงไทยที่จดทะเบียนแล้ว จะสามารถใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ โดยให้แจ้งต่อนายทะเบียนตามกฎหมาย (ในต่างประเทศคือเจ้าหน้าที่กงสุล) ทั้งนี้ เป็นไปตามความในพระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551
    1.6 การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส
         1.6.1 ตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส ดังนี้
                  (1) คู่สมรสสามารถใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมจากฝ่ายนั้นแล้ว (ไม่สามารถควบชื่อสกุลทั้งสองเข้าด้วยกันได้)
                  (2) คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตนได้ การตกลงดังกล่าวนี้ จะกระทำเมื่อมีการสมรสหรือในระหว่างสมรสก็ได้ และคู่สมรสจะตกลงเปลี่ยนแปลงข้อความในวรรคหนึ่งภายหลังก็ได้
                  (3) เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายที่ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
                  (4) เมื่อการสมรสสิ้นสุดด้วยความตาย ให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อจะสมรสใหม่ ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
         1.6.2 ในระหว่างการจดทะเบียนสมรส คู่สมรสต้องแจ้งต่อนายทะเบียน (เจ้าหน้าที่กงสุล) ว่าตนประสงค์จะใช้ชื่อสกุลเดิมของตน หรือชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งนายทะเบียนจะบันทึกไว้บนหน้าบันทึกของทะเบียนสมรส
    1.7 การดำเนินการภายหลังการสมรส
         1.7.1 หลังจดทะเบียนสมรส คู่สมรสที่มีสัญชาติไทยต้องไปยื่นคำร้องขอแก้ไขรายการบุคคล (คำนำหน้าชื่อ ชื่อสกุล) ในเอกสารทะเบียนราษฎร (ทะเบียนบ้านที่ตนมีชื่ออยู่ในประเทศไทย บัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทาง) ให้เรียบร้อย
         1.7.2 หากไม่สะดวกที่จะเดินทางกลับไปดำเนินการในประเทศไทยด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นที่บรรลุนิติภาวะดำเนินการแทนได้ โดยทำเป็นหนังสือมอบอำนาจซึ่งรับรองลายมือชื่อผู้มอบอำนาจโดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ
         1.7.3 หากผู้ร้องมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนคำนำหน้านาม และ/หรือ นามสกุลของตนในบัตรประจำตัวประชาชนให้เป็นไปตามทะเบียนสมรสผู้ร้องจะต้องติดต่อสำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ ที่ผู้ร้องมีชื่อปรากฎอยู่ในทะเบียนบ้านไทย เพื่อสอบถามข้อมูลและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ผู้ร้องไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้

2เอกสารและหลักฐานที่ต้องยื่น
    2.1 แบบฟอร์มคำร้องขอจดทะเบียนสมรส (ดาวน์โหลดด้านล่าง)
    2.2 หนังสือเดินทาง และบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง ที่ยังมีอายุการใช้งาน ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
    2.3 ทะเบียนบ้าน ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย กรณีไม่มีต้นฉบับ โปรดยื่นสำเนา
    2.4 ใบรับรองความเป็นโสดซึ่งออกโดยสำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอในประเทศไทย (ไม่เกิน 6 เดือน) และต้องผ่านการรับรองเอกสารจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ฯ กระทรวงการต่างประเทศ หรือสำนักงานสัญชาติ และนิติกรณ์,ปทุมวัน,พัทยา,เชียงใหม่,สงขลา,อุบลราชธานี
    2.5 หากเคยจดทะเบียนหย่ามาก่อน ต้องนำใบสำคัญการหย่าตัวจริงมายื่นด้วย
    2.6 Oman ID (อาทิ Resident Card) ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
    2.7 พยาน 2 คน ดังนี้

กรณีพยานคนไทย กรณีพยานชาวต่างชาติ

·       บัตรประจำตัวประชาชนไทย
·       หนังสือเดินทางไทย
·       ใบแสดงการมีถิ่นพำนักในโอมาน

·       หนังสือเดินทาง
·       ใบแสดงการมีถิ่นพำนักในโอมาน

      ***ทั้งนี้ ในวันที่จดทะเบียนสมรส พยานทั้งสองต้องเข้ามาลงนามในเอกสารพร้อมกัน***

    2.8 รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 1 รูป ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
    2.9 เอกสารประกอบอื่น ๆ (หากมี) ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ข้างต้น
    2.10 ไม่มีค่าธรรมเนียม

เอกสารและหลักฐานที่ต้องยื่นเพิ่มเติม กรณีคู่สมรสเป็นบุคคลสัญชาติอื่น
    2.11 Original Passport, Country Driver License, and Oman ID of the Spouse of the with other nationality
    2.12 Unmarried Single Status Certificate must be in English and has been legalized by the Foreign Ministry of Oman or the Royal Thai Embassy in the country of the spouse
    2.13 A Work Certificate indicating the period of employment and salary, which has been legalized by the Foreign Ministry of Oman.
    2.14 1 colour photo (1 inch)

3. ขั้นตอนการรับบริการ
    3.1 กรอกคำร้องและอัพโหลดคำร้องเอกสารหลักฐานที่จะต้องยื่นส่งให้ สอท. ที่ email: [email protected]
    3.2 สถานเอกอัครราชทูตฯ จะตรวจสอบข้อมูลและแจ้งผลการตรวจสอบ
    3.3 เมื่อได้รับอีเมลยืนยัน "อนุมัติคำร้อง" ให้เตรียมต้นฉบับของคำร้องและเอกสารที่จะต้องยื่น และตอบกลับ สอท. ยืนยันวัน-เวลา ที่จะมาดำเนินการที่ สอท.
    3.4 คู่สมรสทั้งสองฝ่าย พร้อมพยาน 2 คน ต้องมาดำเนินการด้วยตนเองตามวันเวลาที่นัดหมายโดยนำเอกสารตัวจริงตามรายการข้างต้นมาแสดง ผู้ร้องจะได้รับใบสำคัญการสมรสและสำเนาทะเบียนสมรสในวันเดียวกัน

ข้อควรทราบ
    หากผู้ร้องทำการจดทะเบียนสมรสที่ไม่ใช่การจดทะเบียนสมรสของไทยแล้ว ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสของไทยอีก แต่สามารถขอใบทะเบียนฐานะทางครอบครัว (คร.22) เพื่อทำการบันทึกฐานะแห่งครอบครัวให้การสมรสมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายไทยได้ โดยผู้ร้องจะต้องติดต่อสำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ ที่ผู้ร้องมีชื่อปรากฎอยู่ในทะเบียนบ้านไทย เพื่อสอบถามข้อมูลและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ร้องไม่สามารถดำเนินขอใบทะเบียนฐานะทางครอบครัว (คร.22) ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัตได้

*** กรุณาเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วนตามที่ระบุข้างต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ สงวนสิทธิ์ ในการปฏิเสธการรับคำร้อง หากผู้ยื่นคำร้องยื่นเอกสารสำคัญไม่ครบถ้วน ***